วิชาเรียน ที่น่าเอามาสอนในโรงเรียนตั้งแต่เนิ่น ๆ

วิชาเรียนที่น่าเอามาสอนในโรงเรียนตั้งแต่เนิ่น ๆ

 

  วิชาเรียนที่พวกเราเรียนกันมาตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียน เป็นไงกันบ้าง ได้ใช้ในชีวิตกันจริง ๆ บ้างไหม ถ้าใช่สำหรับคุณ ขอแสดงความยินดีด้วย ความตั้งใจสอนของอาจารย์ของทุกคนไม่สูญเปล่าแล้ว และแม้ว่าเราจะเรียนวิชาคณิตเพิ่มเติมที่มีแต่อะไรยาก ๆ เข้าหัวกัน แล้วเหมือนจะไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์อะไรจริง ๆ ในการทำงาน จริง ๆ มันก็ทำงานของมันอยู่นะ วิชาที่ว่านั้นมันเป็นการพัฒนาระบบความคิดในสมองเรา เพราะงั้นมันอาจจะไม่ได้มีผลทางตรง แต่ผลทางอ้อมมันก็มีประโยชน์มากพอให้เราเป็นคนมีเหตุมีผลมาถึงวันนี้ และอีกหลาย ๆ วิชาที่เรียน แม้ว่าในชีวิตจริงเราอาจจะนำมันมาใช้ได้เพียงน้อยนิด แต่กับบางคนเขาอาจจะเอาไปใช้ประกอบอาชีพไปแล้วก็ได้ แต่เคยรู้สึกกันบ้างไหมว่า จริง ๆ แล้วพอเราโตขึ้นมาทำงานหาเงิน มันมีวิชาที่น่าจะสอนพวกเราตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ก็มีวิชาที่เราควรจะเรียนก่อนตั้งแต่สมัยอยู่ในรั้วสถานศึกษาแล้ว แต่กลับไม่มีวิชาเหล่านั้นในโรงเรียนเลย บ้างก็มาเจออีกทีตอนมหาวิทยาลัย บ้างก็ไม่เจอวิชาแบบนี้ให้ได้เรียนเลยจนเรามาทำงาน วันนี้เราอยากเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับวิชาที่ได้ใช้ในชีวิตจริง ๆ และอยากให้มีวิชาเหล่านี้ในโรงเรียน ให้เด็ก ๆ ได้เรียนกันไว้บ้างตั้งแต่แรก มีอะไรบ้างไปดูกัน


วิชาการเงินและภาษี

  วิชาการเงินและภาษี ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่ผู้ใหญ่ต้องบอกว่า เดี๋ยวรอให้โตก่อนค่อนมาเรียนก็ได้ แต่ถามกันจริง ๆ วิชาพวกนี้มีใครสอนพวกเราได้อีกหรอตอนเราโตมาแล้ว บางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ และหลายคนที่รู้ก็มักจะเกิดจากการต้องไปศึกษาวิชาเหล่านี้กันเอง เรามองว่าวิชาการเงินนี่แหละที่ควรบอกกันตั้งแต่เด็ก ๆ เลย

  วิชาการเงินเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ต้องมีนักเรียนบางคนแหละที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักธุรกิจ อยากประกอบกิจการ อยากเอาวิชาที่ได้ไปทำเป็นรากฐานให้กับชีวิตตัวเอง นั่นทำให้วิชาการเงินเป็นสิ่งที่เขาต้องการ ในคาบเรียนเราอาจจะมีการพูดถึงบ้างในเรื่องของอุปสงค์อุปทาน การซื้อขายและเศรษฐกิจ และเรื่องเงินเฟ้อเงินฝืด แต่มันอาจจะยังผิวเผินไปแล้วได้แค่รู้เฉย ๆ หรือไม่ก็รู้ยังไม่จริงสักที 

  และไม่ใช่แค่เศรษฐกิจด้วย เราควรมีวิชาการใช้เงินให้เป็นอีก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เป็นข้าราชการที่จะมีเงินบำนาญให้ได้ใช้กันตอนเกษียญ การที่เราจะวางแผนเรื่องการเงินเพื่อให้เราไม่ขัดสนใจชีวิตควรเป็นวิชาที่เหมือนภูมิต้านทานให้เก็บนักเรียนแต่แรก อาจจะไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องที่ใหญ่มาก ๆ อย่างการลงทุนในหุ้นหรืออะไรที่มีความเสี่ยงสูงมากก็ได้ แต่อย่างน้อยให้เขาได้แบ่งเงินใช้เงินเก็บเป็น ได้รู้วิชาชีวิตว่าถ้าจะให้มีเงินใช้ตอนเกษียญหรือแก่ตัวไปต้องลงทุนแบบไหนถ้าเราไม่ใช่ข้าราชการ เพื่อให้เด็กที่โตไปต้องใช้ชีวิตแบบที่ไม่มีครูมาจับมือทำให้ ใช้ชีวิตได้อย่างไม่ขัดสนหรือมีปัญหาเรื่องเงินทาง

  อีกเรื่องหนึ่งที่ควรให้ได้เป็นวิชาเรียนสุด ๆ อีกเรื่องคือ ภาษี เราพอจะเคยได้ยินในวิชาเรียนว่าในชีวิตประจำวัน แค่เราซื้อของก็เป็นการเสียภาษีไปในตัวแล้ว ที่เขาเรียกกันว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม อะไรแบบนั้น แต่สำหรับชีวิตการทำงานที่มีเรื่องของภาษีที่ต้องยื่นจ่ายเอง การลดหย่อนภาษี ก่อนขอผ่อนผันภาษีหรืออะไรก็ตามที่มีประโยชน์จริง ๆ สำหรับคนที่ต้องการความรัดกุมในการบริหารเงิน นี่เป็นอีกหนึ่งวิชาที่ถ้ามีไว้แต่แรก ๆ น่าจะทำให้คนที่โตไปแล้วไม่หลงทางกันเรื่องนี้ หรือถ้าดีกว่านั้นคือ เขาสามารถหาทางดูแลเงินของเขาให้มีเงินเก็บได้มากขึ้นจากการบริหารเรื่องภาษีได้อย่างถูกต้อง ความคิดที่ว่าโตไปแล้วค่อยมาเรียน ควรเป็นความคิดที่ควรโละทิ้งได้แล้ว อันไหนจะเป็นจริง ๆ แค่เราเปลี่ยนภาษาให้พูดเข้าใจได้ง่าย ๆ หน่อย ก็เอามาเป็นวิชาเรียนให้เด็ก ๆ กันได้แล้วแหละ


วิชาจิตวิทยา

  วิชาจิตวิทยาทั้งการเข้าสังคม การดูแลตัวเอง หรือการทำงาน เข้าไปใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยถึงจะได้เจอวิชาเลือกให้เรียนเหล่านี้ จริง ๆ แล้วมันน่าจะให้เด็ก ๆ ได้ลองเจอได้ลองเข้าใจกันตั้งแต่แรก ๆ อาจจะมีการอ้างว่าด้วยวัยวุฒิหรือคุณวุฒิของเด็กระดับนักเรียนในโรงเรียน วิชานี้อาจจะยังไม่จำเป็น เพราะเขาอาจจะยังไม่เข้าใจ หรืออาจจะเพราะหาอาจารย์สอนไม่ได้นอกจากสอนในมหาวิทยาลัย เราเข้าใจถึงความลำบากและความยากของการเรียนวิชาอะไรแบบนี้ แต่ในเมื่อมันมีหลากหลายวิธีบนโลกที่จะสร้างคำพูดหรือบทเรียนให้เข้าใจง่าย ๆ ได้ ลองดูสักครั้งหรือลองทำดูก็คงไม่เสียหายอะไรนี่

  วิชาจิตวิทยาเข้าสังคม ให้คนได้เรียนรู้เรื่องคนกันเพิ่มอีกนิดนึง คนเรามีความคิดชอบแบ่งแยกและไม่ยอมทำความเข้าใจคนที่มีความคิดแตกต่าง นั่นอาจจะเพราะสังคมที่มันเป็นแบบนี้กันมานานในรั้วโรงเรียน และไม่มีใครยอมทำความเข้าใจถึงวิทยาศาสตร์ในสมองของมนุษย์กันมากนัก ลองให้ได้สัมผัสจิตวิทยาที่อาจจะแค่จำก็นำไปใช้ก็ได้ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้จริง ๆ อาจมีประโยชน์กับชีวิตความเป็นอยู่ให้กับคนหลาย ๆ คนเลย

  จิตวิทยาเรื่องการดูแลตัวเองก็เหมือนกัน ต่อให้เราอยู่กับครอบครัว แต่คนที่ดูแลตัวเองเป็นก็ไม่ได้มีกันทุกคน วิชาการใช้ชีวิต ฟังดูชื่ออาจจะดูแบบ มันต้องมีสอนกันด้วยหรอ เราพูดแบบนี้ดีกว่า ในเมื่อมันมีคนที่ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองเข้าใจว่ามันถูกแล้วอยู่ตลอด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันผิด มันไม่ควรเป็นแบบนั้นเลย แต่ด้วยความไม่รู้ทำให้คน ๆ นั้นยังมีนิสัยหรือชีวิตแบบเดิม ๆ อยู่ไม่เปลี่ยนแปลงสักที วิชาจิตวิทยาที่ช่วยเรื่องชีวิตจิตใจมันน่าจะช่วยได้จริง ๆ เพราะชีวิตที่โตขึ้นไปจะต้องมีช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่กับครอบครัวบ้าง ต้องอยู่ที่ทำงานบ้าง ต้องเจอสถานการณ์ไม่ดีหรือกดดันบ้าง อะไรก็ตามที่เป็นพลังด้านลบมันจะไหลเข้ามาหาตัวคน ตราบใดที่มนุษย์ยังมีความรู้สึกนึกคิดอยู่ วิชานี้นี่แหละที่ควรมีสอนในโรงเรียนตั้งแต่เนิ่น ๆ


วิชาความสุขของชีวิต

  คนเราไม่ได้เกิดมาต้องเป็นเหมือนกันทุกคน วิชาความสุขของชีวิตที่เรียนกันในระดับมหาวิทยาลัย ทำไมไม่เอามาสอนให้กับนักเรียนตั้งแต่เด็ก ๆ กันบ้าง ไม่ใช่ว่าเป้าหมายของการมีชีวิตคือการมีความสุขอย่างนั้นเหรอ การศึกษาในรั้วโรงเรียนและวิชาเรียนแต่ละอย่างดูจะมีแต่วิชาที่ปั้นให้เราเป็นบุคลากรที่ป้อนเข้าไปในโรงงานของประเทศอย่างเดียวเลย และยังไม่เปิดกว้างด้านความคิดให้เด็กได้มองหาเป้าประสงค์ของชีวิตกันใหม่บ้างเลย วิชาความสุขของชีวิตที่เป็นหนึ่งไกด์ไลน์ให้คนเราได้มองเห็นหรือคิดเป็นถึงสิ่งที่ตัวเราต้องการมันน่าจะมีมาให้กันตั้งแต่รั้วโรงเรียน เพื่อที่เมื่อพวกเขาได้เลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง พวกเขาจะได้ไปถูกทางและไม่มานั่งเสียใจกับความตั้งใจของพวกเขา คนเราไม่ได้มีใครขีดเส้นไว้สักหน่อยว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ปกติแหละที่พ่อแม่อยากให้ลูกได้มีชีวิตที่ดี แต่คำว่าดี มันก็ไม่ได้มีแค่แบบเดียวสักหน่อย ให้วิชาพวกนี้ได้เป็นวิชาชีวิตติดตัวพวกเขาไปมันจะไม่ดีกว่าหรือ 


  อยากให้ชีวิตเด็กที่จะโตไปมีชีวิตที่ดีขึ้น วิชาที่ควรมีตั้งแต่เนิ่น ๆ เหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนเส้นทางชีวิตพวกเขาไปตลอด ถ้าเราได้มีโอกาศมอบวิชาชีวิตเหล่านี้ให้พวกเขาบ้าง อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่ตั้งใจจะเรียนรู้ หรืออาจไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจวิชาแบบนี้ แต่สำหรับผู้ที่ได้นำวิชานี้ไปใช้กันจริง ๆ ต้องได้รับประโยชน์จากมันแบบเต็มสูบแน่นอน ในเมื่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำไมอะไรที่ไหลเวียนอยู่ในห้องเรียนจะไม่ถูกเปลี่ยนบ้าง ในโลกที่หมุนตลอดเวลา ถ้าเราไม่เดิน ก็เหมือนได้ถอยหลังแล้ว มาเปลี่ยนความรู้ชุดใหม่ ๆ มอบให้เด็ก ๆ รุ่นถัด ๆ ไปได้มีไว้ติดตัวกันจะดีกว่า


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พิซซ่าญี่ปุ่น หรือ โอโคโนมิยากิ(Okonomiyaki) ที่มาเป็นยังไง

ประวัติของ โดรายากิ ขนมสุดโปรดของ โดราเอมอน

ขนมปัง ประวัติและที่มา การกำเนิดของเบเกอรี่