อยากเก่งภาษาอังกฤษ แต่จะเริ่มยังไงดี

 อยากเก่งภาษาอังกฤษ แต่มีปัญหาเหล่านี้กันอยู่หรือเปล่า อยากลองเริ่มต้นดู แต่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหน อยากเรียนให้เข้าใจ แต่เรียนในโรงเรียนไม่เข้าหัวเลย อยากเรียนภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้อยู่วัยทำงานแล้ว เราเข้าใจปัญหานี้ดี หลายครั้งที่ความอยากของเรามันมี แต่สมองของเราจะให้เอาความรู้เข้าหัวเท่าไหร่ เหมือนว่ามันจะปฎิเสธความรู้พวกนั้นอยู่ตลอด หรือสำหรับผู้ที่อยู่วัยทำงานแล้วอาจจะรู้สึกว่า ฉันอยู่วัยทำงานแล้ว งานก็ต้องทำจนไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งเรียนเลย ไหนจะความรู้สึกที่ว่า มาเพิ่งเรียนเอาตอนนี้คงไม่ทันหรอก เพราะเราควรจะเรียนมาตั้งแต่เด็ก ๆ รู้แบบนี้ตั้งใจเรียนตั้งแต่แรกดีกว่า ถ้ามีความคิดแบบนี้อยู่ละก็ อยากให้ทุกท่านใจเย็น ๆ ก่อน และไม่ต้องเสียใจไป ไม่ใช่ความผิดของเราที่เป็นแบบนั้น วันนี้เราอยากจะมาปรับความเข้าใจและแนะนำให้กับทุกท่านที่ยังคงมีไฟที่ใฝ่รู้ในภาษาอังกฤษอยู่ เพราะการเรียนภาษาไม่ใช่เรื่องที่จะเก่งขึ้นได้แบบวันสองวันอยู่แล้ว


อยากเก่งภาษาอังกฤษ ต้องปรับความเข้าใจกันใหม่


  อยากเก่งภาษาอังกฤษ ให้จำคำพูดนี้ไว้ เป็นคำแนะนำดี ๆ จากพี่ลูกกอล์ฟ จากสถาบันสอนภาษาอังกฤษ ANGKRIZ พี่เขาพูดไว้บ่อยมากว่า “ภาษาอังกฤษของเราก็เหมือนการสร้างบ้าน แล้วบ้านเราก็ไม่ต้องเหมือนกัน” ซึ่งพี่เขาต้องการจะบอกว่า บ้านของเราแต่ละคนใช้เวลา วัสดุ รูปทรงที่ไม่เหมือนกัน ก็เหมือนกับภาษาอังกฤษของทุกคนที่ บางคนอาจจะยังมีแค่ฐานของบ้าน บางคนที่เก่งก็เหมือนมีบ้านเป็นหลังไปแล้ว แต่นั่นไม่สำคัญ เราต้องให้เวลากับตัวเอง ใช้เวลากับมันในแบบที่เราต้องการจะดีที่สุด ทั้งวิธีการเรียนของตัวเอง การใช้ภาษาอังกฤษในแบบของตัวเอง (ที่ก็ต้องถูกต้องด้วยนะ) หรือเวลาที่เราจะใช้เรียนรู้ 

  สมมุติกันง่าย ๆ พวกเราจะเก่งภาษาไทย พูดภาษาไทยคล่องขนาดนี้ได้ตั้งแต่คลอดออกมาเลยหรือ ก็ไม่ใช่ใช่ไหมล่ะ เราผ่านช่วงเวลาตั้งแต่พยายามพูดแบบอ้อ ๆ แอ้ ๆ ไม่เป็นคำ แล้วก็เริ่มพูดเป็นคำได้เช่นคำว่า พ่อ แม่ แล้วจากนั้นก็พยายามพูดเป็นประโยค พอเราพูดเป็นประโยคได้ เราก็เริ่มเรียนคำหรือรูปประโยคใหม่ ๆ ตามมาด้วยมารยาทการใช้ภาษา กว่าจะเป็นคนที่พูดไทยได้ ก็ใช้เวลาหลายปี อย่างน้อยก็คงจะสัก 6 ปี กว่าจะพูดได้จนเป็นปกติ ภาษาอังกฤษก็เหมือนกัน การที่เราเรียนในโรงเรียนแล้วมีคนที่เข้าใจบ้าง มีคนไม่เข้าใจบ้าง นั่นก็แค่เพราะว่าสไตล์การเรียนนั้นอาจจะไม่สอดคล้องกับการเรียนรู้ของเรา แต่ไม่ว่าจะทางไหน เราก็ต้องใช้ทรัพยากรที่เรียกว่า เวลา กันทุกคน เพราะภาษาคือเรื่องของการสะสม รับเข้าหูเข้ามาเรื่อย ๆ แล้วเราก็ลองหยิบยกคำหรือประโยคไปลองใช้งาน ซึ่งการเรียนในไทยเราอาจจะมีแค่อ่าน กับ เขียน ที่เน้นท่องจำอย่างเดียว ซึ่งมันก็ดูจะไม่ค่อยได้ผล แต่เพราะสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยด้วยที่ทำให้เราไม่ได้เก่งหรือเป็นเลิศด้านภาษาอังกฤษกันทุกคน แต่จะโทษโรงเรียนอย่างเดียวก็ไม่ได้หรอกนะ เพราะการจะจัดสภาพแวดล้อมให้เราได้พบเจอภาษาอังกฤษตลอดเวลา ก็คงมีแต่การไปอยู่ต่างประเทศนั่นแหละ เพราะงั้นไม่ต้องเสียใจไป เราจะมาแนะนำวิธีการเรียนรู้ใหม่ ๆ ที่ใช้ได้ทุกเพศทุกวัย และน่าจะให้ผลที่ดีขึ้น



อยากเก่งภาษาอังกฤษ เริ่มจากอะไรดีล่ะ


  เป็นคำถามที่ดีและตรงประเด็นมาก และเรามีคำตอบในแบบของเรามาให้ อยากเก่งภาษาอังกฤษ ต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อม โดยที่เราไม่รู้สึกฝืนเกินไป หมายความว่าอย่างไรล่ะ มายกตัวอย่างกันง่าย ๆ ถ้าคุณเป็นคนชอบดูซีรีส์บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง เน็ตฟลิค เราจะเห็นว่าหนังหรือซีรีส์หลายเรื่องมีตัวเลือกให้เราฟังภาษาไทยที่พากษ์มาแล้ว หรือจะรับชมเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ แล้วก็เปิดซับไตเติลให้ขึ้นภาษาไทยเอา แค่นั้นก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว นี่คือการเรียนรู้ทักษะการฟังและพูดที่ดีที่สุด เวลาเราเรียนภาษา ให้เรียนเหมือนเด็กทารกเรียนนั่นแหละ และเราตั้งแต่เด็ก ๆ ก็ไม่ได้เปิดหนังสือนั่งอ่านกันตั้งแต่แบเบาะซะหน่อย เราก็เริ่มจากการฟังพ่อแม่พูด หรือฟังคนรอบข้างพูดนั่นแหละ การดูหนังก็เช่นกัน ถ้าคุณดูซีรีส์หรือหนังเยอะ ๆ คุณน่าจะสังเหตุได้ว่า ประโยคที่ตัวละครในหนังเขาใช้พูดกันอย่างประโยคทักทาย เขาก็จะพูดประโยคเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กันทุกเรื่องนั้นแหละ และเมื่อไหร่ที่เราเจอเขาใช้ซ้ำ ๆ เราก็ลองจำและนำไปใช้ดู นี่คือการเรียนรู้ที่เรียกว่าการทำซ้ำ ๆ เหมือนกับการคัดลายมือซ้ำ ๆ แค่เปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่นของการฟังนั่นเอง หรืออาจจะเป็นการฟังเพลงก็ทำได้เหมือนกัน ยิ่งเป็นเพลงเพราะ ๆ ที่เราชอบฟัง ตอนแรกเราอาจจะแค่ฟังเอาความเพราะอย่างเดียว แต่ถึงจุดหนึ่งเราจะรู้สึกว่า อยากจะรู้เนื้อเพลงจังว่ามันพูดหรือร้องว่าอะไรบ้าง และเมื่อเราได้รู้เนื้อเพลงแล้วหยิบไปร้องตาม เราจะได้เรียนคำศัพท์หรือรูปประโยคไปโดยไม่รู้ตัว นี่คือหนึ่งเคล็ดลับการเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษที่อยากแนะนำให้


อยากเก่งภาษาอังกฤษ แล้วถ้าฉันเป็นสายนั่งเรียนล่ะ

  สำหรับใครที่อยากเก่งภาษาอังกฤษ และผ่านช่วงเริ่มต้นมาแล้วรู้ว่า ฉันอยากจะเรียนให้มันเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น ต้องบอกเลยว่าพวกคุณโชคดีมาก ๆ ที่อยู่ในยุคที่ความรู้อยู่รอบตัวและเข้าถึงได้ค่อนข้างง่าย อยากรู้อะไรให้เข้า Youtube แล้วเปิดดูได้เลย มีหลายคลิปวีดีโอที่สอนภาษาอังกฤษกันให้แบบฟรี ๆ แถมยังมีแทบทุกแบบที่เราต้องการ ซึ่งสิ่งแรกที่น่าจะเป็นหนึ่งอุปสรรคที่ทำให้เราไปไม่เป็นกับภาษาอังกฤษคือ แกรมม่า เรียนมาแล้วมันใช้ยังไง จำแพทเทิร์นหรือรูปไวยากรณ์ได้ก็จริง แต่มันใช้ต่างกันอย่างไร หรือรู้หมดแต่พอจะพูดหรือเขียน ดันแต่งประโยคไม่ได้ซะงั้น ตรงนี้จะเป็นเรื่องของการส่งออกภาษาอังกฤษที่เรามีแล้ว 

  เราอยากแนะนำทั้งในการพูดและการเขียนว่า การเรียนรู้อะไรก็ตาม ให้เราจะสามคำนี้ไว้ “เรียนรู้ คิดต่าง สร้างสรรค์” ในช่วงแรกเราอาจจะต้องยอมจดจำแพทเทิร์นหรือรูปประโยคทั้งเขียนและพูดที่ใช้กันบ่อย ๆ เช่น เรารู้ว่า Hello Hi พูดยังไง แต่มันจะมีประโยคถามสารทุกข์สุขดิบอย่าง How are you? How do you do? How is it going? แล้วแบบไหนกันแน่ล่ะที่ควรใช้งาน ต้องบอกว่าสำหรับผู้เริ่มต้น อยากใช้อันไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ใช้มันให้คล่อง ใช้จนเรารู้สึกคุ้นชินเหมือนกินมันเป็นข้าว แล้วเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าไม่ต้องมานั่งนึก ฉันก็จำและทำได้ เมื่อนั้นแปลว่าเราพร้อมจะหาคำใหม่ ๆ หรือประโยคใหม่ ๆ มาพูดบ้างแล้ว นี่คือพัฒนาการที่ดีของการเรียนรู้ เราเรียนและจำไปใช้ก่อน แล้วเราจะอยากคิดต่าง อยากหาคำใหม่ ๆ มาใช้บ้าง ทดลองอะไรใหม่ ๆ ว่ามันเวิร์คหรือเปล่า และเมื่อเราผ่านจุดที่เข้าใจพื้นฐานหรือธรรมชาติของการใช้ภาษา ทั้งอาจจะจากการนำไปคุยกับเพื่อนต่างชาติ หรือเขียนบทความ หรือถ้าคุณอยู่ในโรงเรียนแล้วอาจารย์บอกว่าที่เราพูดหรือเขียนมามันถูกต้องหรือใช้ได้แล้ว เมื่อนั้นแหละที่เราพร้อมสำหรับการ สร้างสรรค์ ถึงขั้นตอนที่เราสร้างอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาหรือได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ เราอาจจะยังใช้มันผิด ๆ ถูก ๆ บ้าง แต่อยากให้จำไว้ว่า เพราะเราผิดนั่นแหละ เราเลยทำครั้งต่อไปได้อย่างถูกต้อง อย่าได้อายเลยว่าเราใช้ผิด มันจะเสียใจกว่าเยอะถ้าเราไม่ลองผิดตั้งแต่แรกเพื่อให้เราใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องในครั้งต่อ ๆ ไป

 

 สำหรับใครที่ อยากเก่งภาษาอังกฤษ ขอแค่ได้ลองทำหรือได้สัมผัสวันละนิด หรือวันละเยอะ ๆ ก็ได้ คุณได้เก่งภาษาอังกฤษขึ้นแน่นอน แต่มันอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย มันจะประสบผลสำเร็จเมื่อไหร่ก็อยู่ที่เราว่าเราอยากได้ภาษาอังกฤษไปทำอะไรมากกว่า ถ้าเราใช้เพื่อแค่เรียนหรือทำงาน การเรียนระดับมหาลัยหรือโรงเรียนก็อาจจะเพียงพอ แต่ถ้าอยากคุยภาษาอังกฤากับเพื่อนชาวต่างชาติ เราอาจจะต้องฝึกฟังฝึกพูดมากขึ้น และต้องฟังพูดกับเจ้าของภาษาไปเลย เราจะได้เห็นปฏิกิริยาว่าเราพูดไปนั้นถูกผิดไหม และยิ่งถ้าเพื่อนต่างชาติของเราใจดี เขาจะยินดีบอกเราด้วยซ้ำว่าควรพูดแบบไหน หรือถ้าคุณเป็นคนชอบแชทชอบเล่นเกม การพิมพ์ที่คุณได้ลองใช้สื่อสารผ่านหน้าจอไปนี่แหละที่เขาจะช่วยคุณ ใช้เวลากับมันไปเรื่อย ๆ ในแบบที่เรารู้สึกสะดวกและสบายใจเถอะ เพราะเดิมทีภาษาของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน และยิ่งเป็นยุคที่การเรียนรู้ราคาถูกลงเป็นอย่างมากแบบนี้ ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการมันเป็นที่สุด เป็นกำลังใจให้กับผู้ที่อยากเรียนรู้ต่อไป และขอให้ประสบการณ์ตรงนี้เป็นเหมือนไกด์ไลน์ดี ๆ ในการเรียนภาษาอังกฤษให้ท่านทุกคน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พิซซ่าญี่ปุ่น หรือ โอโคโนมิยากิ(Okonomiyaki) ที่มาเป็นยังไง

ประวัติของ โดรายากิ ขนมสุดโปรดของ โดราเอมอน

ขนมปัง ประวัติและที่มา การกำเนิดของเบเกอรี่